ระดับของการฟัง และประโยชน์ของการฟัง

ระดับของการฟัง และประโยชน์ของการฟัง

 

ในชีวิตประจำวันของเรา เราเป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟัง แล้วเราเป็นผู้ฟังที่ดีจริงๆ หรือเปล่า วันนี้เรามาทำความเข้าใจกับระดับของการฟังอย่างง่ายๆ กันค่ะ แล้วลองทบทวนดูว่าส่วนใหญ่แล้วเราฟังที่ระดับการฟังแบบไหนนะคะ 

การฟัง 5 ระดับ

1 ไม่สนใจฟัง คือ ไม่ได้สนใจที่จะฟัง ฟังผ่านหู

2 แกล้งฟัง คือ ทำเหมือนสนใจฟังอยู่ อาจมีการพยักหน้าหรืออือๆ แต่ไม่ได้ฟังอยู่จริง หากผู้พูดถามอะไรมาก็จะตอบไม่ได้ 

3 เลือกฟัง คือฟังเฉพาะสิ่งที่เราสนใจ อะไรที่เราไม่สนใจ ก็ปล่อยผ่านไม่ได้ฟัง

4 ฟังอย่างตั้งใจ คือ การฟังเพื่อจับประเด็นเนื้อหาใจความที่ผู้พูดเล่า เช่น การฟังในห้องเรียน ฟังในที่ประชุม

5 ฟังอย่างเข้าใจ คือ การฟังเพื่อเข้าใจคนตรงหน้าอย่างแท้จริง เป็นการฟังโดยไม่ตัดสินผู้พูด ฟังเพื่อเข้าใจความรู้สึก ความต้องการ มุมมอง ความเชื่อ สิ่งที่ผู้พูดให้ความสำคัญหรือให้คุณค่า 

การฟังอย่างเข้าใจนี้อาศัยสติหรือการรู้ตัวเป็นอย่างมาก เพราะหากเรารู้เท่าทันความคิดของเรา เราถึงจะเห็นว่าเราเผลอตัดสิน (judge) ผู้พูดหรือเปล่า เช่น คิดในใจว่า จริงเหรอ โอ๊ยคิดแบบนี้ได้ไง เป็นต้น ถ้าเผลอตัดสินในใจ เราก็ไม่ได้ฟังอย่างเข้าใจเขาจริงๆ แล้วล่ะค่ะ 

 

คงมีคำถามในใจเนอะ ว่าปกติคนเราตัดสินคนอื่นบ่อยเหรอ 

คนเราแต่ละคน ล้วนมีความคิด ความเชื่อ คุณค่า ประสบการณ์ที่แตกต่าง แม้กระทั่งพี่น้องกันก็ยังคิดเห็นแตกต่าง ทำให้มุมมองแตกต่าง เรามักคิดว่าสิ่งที่เราคิดถูกต้องเสมอ และมองว่าคนที่คิดไม่เหมือนเราคิดผิด หรือไม่เห็นด้วยกับความคิดเขา (ส่วนใหญ่จะเป็นโดยอัตโนมัติค่ะ) 

หากเราฟังโดยมีสติไม่มากพอเราก็จะไม่เห็นว่าเผลอตัดสินเขาไหม แต่หากเรามีสติมากพอ พอเรารับรู้ถึงความคิดที่ตัดสิน หรือความคิดอื่นๆ ที่แวบเข้ามาในหัวเรา เราก็กลับมาฟังคนตรงหน้าต่อ ก็จะช่วยที่อยู่กับคนตรงหน้าอย่างแท้จริงค่ะ 

 

แล้วการฟังอย่างเข้าใจ มีประโยชน์อะไร ทำไมเราถึงต้องฟังล่ะ

ประโยชน์ของการฟังอย่างเข้าใจ

1. ช่วยให้ผู้พูดรู้สึกไว้วางใจและเปิดใจที่จะเล่า

2. ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังดีขึ้น ผู้พูดรู้สึกว่าเราใส่ใจ ให้เกียรติเขา รู้สึกดีต่อเรา

3. เราในฐานะผู้ฟัง เข้าใจผู้พูดและมีความเห็นอกเห็นใจเขามากขึ้น และมีอคติต่อผู้อื่นลดลง

4. ช่วยให้ผู้พูดกล้านำเสนอไอเดียต่างๆ ที่มีประโยชน์ ลองนึกดูนะคะ ถ้าไม่ฟังกันเลย ในที่ประชุมก็จะไม่ค่อยมีคนกล้าแสดงความคิดเห็นอะไรดีๆ เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่ฟังอยู่ดี เป็นต้นค่ะ

 

สิ่งสำคัญของการฟัง คือ การฝึกฟังที่ฟังจริงๆ แม้มุมมองจะต่างกัน แต่เราฟังด้วยเจตนาที่อยากเข้าใจเขา เข้าใจโลกแบบมุมมองเขาค่ะ

 

อ่านมาถึงตรงนี้ เห็นว่าส่วนใหญ่เราฟังแบบไหนนะ แล้วจะลองไปฝึกฟังกับใครก่อนดี อาจจะลองฟังคนใกล้ตัวก่อนก็ได้นะคะ คนใกล้ตัวแหละค่ะ แหล่งฝึกที่ดีเลย ^^

เช่น ลองไปถามคุณพ่อคุณแม่ว่าชีวิตวัยเด็กเป็นยังไงก็ได้นะคะ แล้วก็ฟังยาวๆ ห้ามพูดแทรกค่ะ แล้วจะเข้าใจและรักเขามากขึ้นเลยค่ะ 

 

หวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าการฟังของตนเองเป็นอย่างไร และอยากที่จะฝึกฟังเพิ่มขึ้นนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ และขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการพัฒนาทักษะการฟังนะคะ

อ.ก้อย

 

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: 6 เทคนิคการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening)

 

หลักสูตรที่เกี่ยวข้อง 

การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

การฟังอย่างลึกซึ้งเพื่องานบริการ

อาจารย์ เภสัชกรหญิง ธันยพร จารุไพศาล (อ.ก้อย)

โค้ชและวิทยากรด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

(Performance Coach and Trainer)


E-mail: tunyaponj@gmail.com

line ID: koytunyapon

Tel: 082-415-1462


Visitors: 79,446